กระแสการทำงานรูปแบบใหม่หรือ Workation กำลังกลายเป็นไลฟ์สไตล์ในฝันของคนทำงานรุ่นใหม่ที่ต้องการอิสระในการเลือกสถานที่ทำงาน โดยมี “ซัปโปโร” เป็นหมุดหมายอันดับต้นๆ ด้วยสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดปี หนีร้อนจากโตเกียวในฤดูร้อนและเพลิดเพลินกับหิมะในฤดูหนาว พร้อมความสะดวกสบายของความเป็นเมืองที่มีครบทั้งอาหารอร่อยและธรรมชาติ แต่ปัญหาที่ตามมาสำหรับคนที่หลงรักเมืองนี้คือค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่บานปลาย โดยเฉพาะค่าที่พักในช่วง High Season ที่ราคาพุ่งสูงจนน่าตกใจ คำถามสำคัญที่เริ่มเกิดขึ้นในใจชาวออฟฟิศหลายคนคือ หากเราต้องไปทำงานและพักผ่อนที่นี่ปีละหลายครั้ง การตัดสินใจ “ซื้อคอนโดซัปโปโร” ไว้เป็น Base Camp ส่วนตัว จะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าการเช่าที่พักแบบจ่ายทิ้งหรือไม่
คอนโดแบบไหนที่ชาวออฟฟิศมองหา
สำหรับชาวออฟฟิศที่จริงจังกับการทำงาน คอนโดมิเนียมไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่ซุกหัวนอน แต่เปรียบเสมือนสำนักงานสาขาย่อยที่ต้องตอบโจทย์ประสิทธิภาพการทำงาน ดังนั้นรูปแบบห้องที่เหมาะสมจึงไม่ใช่ห้องขนาดเล็กแบบ 1K หรือสตูดิโอ แต่ควรเป็นห้องขนาด 1LDK หรือ 2LDK ขึ้นไป เพื่อให้สามารถแบ่งสัดส่วนระหว่าง “โซนทำงาน” และ “โซนพักผ่อน” ได้อย่างชัดเจน นอกจากเรื่องขนาดแล้ว ทำเลก็เป็นปัจจัยสำคัญ แม้ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดสถานีหลักอย่าง Sapporo Station แต่ควรอยู่ในระยะที่เดินถึงรถไฟใต้ดินได้สะดวก หรือใกล้ซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อการใช้ชีวิตประจำวันที่ราบรื่น รวมถึงต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานอย่างอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ระบบรักษาความปลอดภัยที่ไว้วางใจได้เมื่อเราไม่ได้อยู่ และพื้นที่เก็บของสำหรับอุปกรณ์สกีหรืออุปกรณ์ทำงาน เพื่อให้พร้อมใช้งานทันทีที่มาถึง

วัดความคุ้มระหว่าง “เช่า” หรือ “ซื้อ”
การเปรียบเทียบระหว่างการเช่าและการซื้อมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันชัดเจน การเช่าโรงแรม ให้ความยืดหยุ่นสูง แต่ข้อเสียร้ายแรงคือราคาที่แพงหูฉี่ในช่วงเทศกาล และเงินทุกบาทที่จ่ายไปคือการ “จ่ายทิ้ง” โดยไม่สร้างมูลค่ากลับคืนมา อีกทั้งยังไม่สามารถเก็บของส่วนตัวทิ้งไว้ได้ ทำให้ต้องแบกสัมภาระไปมาทุกครั้ง ในทางกลับกัน การเลือก “ซื้อคอนโดซัปโปโร” คือการเปลี่ยนค่าเช่ามาเป็นการสร้างสินทรัพย์ ด้วยอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านในญี่ปุ่นที่ต่ำมาก ทำให้ค่างวดผ่อนชำระต่อเดือนอาจถูกกว่าการเช่าโรงแรมรายวันในระยะยาว นอกจากนี้ “ราคาคอนโดซัปโปโร” ยังมีแนวโน้มเติบโตตามการพัฒนาของเมือง ทำให้คุณได้ทั้งที่พักส่วนตัวที่เก็บของได้ดั่งใจและโอกาสในการทำกำไรจากมูลค่าทรัพย์สินในอนาคต แม้จะมีภาระค่าส่วนกลางและภาษีที่ต้องดูแล แต่เมื่อเทียบกับความสะดวกสบายและความเป็นเจ้าของแล้ว ถือเป็นต้นทุนที่ยอมรับได้
คำนวณจุดคุ้มทุนที่ชาวออฟฟิศต้องรู้
เพื่อให้เห็นภาพความคุ้มค่าทางการเงิน ลองตั้งสมมติฐานง่ายๆ ว่าหากคุณไป Workation ที่ซัปโปโรปีละ 60 วัน โดยมีค่าที่พักเฉลี่ยคืนละ 10,000 เยน (ซึ่งราคาจริงในช่วงพีคอาจสูงกว่านี้) เท่ากับว่าคุณมีค่าใช้จ่ายส่วนนี้ถึง 600,000 เยนต่อปี หากนำเงินก้อนนี้มาพิจารณาเทียบกับ “ราคาคอนโดซัปโปโร” มือสองสภาพดีขนาด 1LDK ที่ประมาณ 20-25 ล้านเยน เมื่อคำนวณค่าผ่อนชำระรายปีรวมกับค่าส่วนกลาง ตัวเลขที่ออกมาอาจใกล้เคียงกันหรือต่ำกว่าค่าเช่าที่คุณต้องเสียไปเปล่าๆ ยิ่งถ้าคุณมีแผนจะใช้งานระยะยาวเกิน 5-10 ปี หรือปล่อยเช่าในช่วงที่คุณไม่ได้ใช้งาน จุดคุ้มทุนก็จะยิ่งมาถึงเร็วขึ้น กลายเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายแฝงในชีวิตการทำงานของคุณได้อย่างมหาศาล

สรุป
บทสรุปของการตัดสินใจครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า “ซื้อคอนโดซัปโปโร” เป็นทางเลือกที่คุ้มค่ามากสำหรับคนทำงานรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ Workation เป็นประจำ เพราะนี่ไม่ใช่แค่การลงทุนเพื่อผลตอบแทนทางการเงิน แต่เป็นการลงทุนใน “คุณภาพชีวิต” และ “ประสิทธิภาพการทำงาน” ที่ยั่งยืน การมี Base Camp ส่วนตัวที่พร้อมต้อนรับคุณเสมอ ช่วยลดความเครียดจากการวางแผนเดินทางและเพิ่มความสุขในการใช้ชีวิต หากคุณคือชาวออฟฟิศที่มองเห็นโอกาสนี้และต้องการค้นหาคอนโดที่ตอบโจทย์ Shinyu Japan พร้อมให้คำปรึกษาเพื่อช่วยคุณเลือกบ้านหลังที่สองที่สมบูรณ์แบบที่สุด
Shinyu Japan เราคือที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทในประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าคุณจะต้องการซื้อ เช่า ฝากขาย หรือบริหารจัดการทรัพย์สิน เราพร้อมให้คำปรึกษาและสนับสนุนคุณในทุกขั้นตอน สนใจซื้อบ้านหรือคอนโดที่ญี่ปุ่น ติดต่อเราได้ทาง 02-4740271 หรือที่ LINE Official @shinyujapan
ติดตามข่าวสารแวดวงอสังหาฯในญี่ปุ่น ได้ทาง shinyujapan.com และทางเฟซบุ๊ก อสังหาฯ ญี่ปุ่น by Shinyu

